เป็นอันที่รู้กันดีว่า ถ้าอยากทานอาหารไทยแท้เจ้าดังจากทั่วทุกมุมของประเทศ โดยไม่เสียเวลาตระเวนขับรถไปถึงแหล่งแล้วล่ะก็ แค่แวะมาที่ใจกลางเมืองหลวงศูนย์อาหาร “อีทไทย” (Eathai) เซ็นทรัลเอ็มบาสซี ก็สามารถเลือกทานเมนูเด็ดเจ้าดังได้ตามสะดวก
แต่ถ้าหากไม่อยากเสียเวลาเดินเลือกอาหารเอง หรือต้องการความเป็นส่วนตัวแล้วล่ะก็ Eathai Cafe ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทุกมื้อ
Eathai Cafe คือร้านอาหารไทยสไตล์ประยุกต์ ในคอนเซ็ปต์ All Day Dining เสิร์ฟเมนูอาหารเช้า ของทานเล่น อาหารจานเดียว และเครื่องดื่มทั้งค็อกเทลและม็อกเทลตลอดทั้งวัน ภายใต้บรรยากาศสุดชิค Classic Thai Coffee Shop ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านกาแฟโบราณเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้ดี แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยร่วมสมัย สอดแทรกกิมมิคเล็ก ๆ ทั่วทุกมุมร้าน ไม่ว่าจะเป็นกาน้ำชาใบโตสีทองโดดเด่น ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของร้านไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังเลือกคุมโทนร้านด้วยสีเขียวเข้ม ให้ความรู้สึกถึงประตูเหล็กบานเลื่อนของร้านกาแฟโบราณ จัดชุดเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้และหนังสีน้ำตาล ประดับด้วยโคมไฟโบราณสีทองเหลืองดูคลาสสิกแต่หรูหรา พร้อมเลือกใช้จานสังกะสีแบบโบราณเป็นกิมมิคเล็ก ๆ ที่น่ารักอีกหนึ่งอย่าง
ในส่วนของอาหารนั้น เชฟประจำร้านจะเน้นเมนูอาหารไทยที่น้อยคนจะรู้จักมาประยุกต์เข้ากับวัตถุดิบใหม่ ๆ ผ่านกรรมวิธีการปรุงแบบโบราณ ปรุงแต่งให้น้อย เน้นชูรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบมากกว่า 80 เมนู
เริ่มต้นกันด้วยของคาวรสชาติหวานมันเข้มข้นเข้าถึงพริกแกงอย่าง แกงคั่วสับปะรดไข่สลิด พระเอกอยู่ที่ไข่ปลาสลิดบางบ่อที่มาแบบเต็มชิ้นเต็มคำ ทานร้อน ๆ คู่กับข้าวสวยหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ร้อน ๆ ช่วยให้กลิ่นเหม็นคาวจางลงได้มาก เสิร์ฟพร้อมปลาวงและไข่แดงเค็มที่ช่วยตัดรสเลี่ยนได้เป็นอย่างดี
เมนูต่อมาคือ ต้มยำป่าปลาช่อน ปลาช่อนทอดกรอบ ในน้ำแกงป่าร้อน ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศแบบไทย ๆ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่เผ็ดจนเกินไป น่าจะถูกใจชาวต่างชาติไม่น้อย
จานต่อมาเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เรียกได้ว่า ปรุงให้อร่อยได้ยาก แต่เชฟสามารถทำออกมาได้ดี สำหรับเมนู ตับผัดพริกหอมน้ำพริกเผา ที่ผัดตับออกมาได้นุ่มกำลังดี แม้ทิ้งไว้จนเย็นก็ยังคงความชุ่มฉ่ำไว้ได้ บวกกับความเข้มข้นของน้ำพริกเผาและเครื่องเทศแบบจีน ก็ยิ่งเสริมให้จนนี้กลายเป็นเมนูโปรดของหลาย ๆ คน
ส่วนเมนูสุดท้าย เป็นเมนูฟิวชั่นที่มองเผิน ๆ ดูไม่เข้ากันอย่างแรง แต่พอได้ลิ้มรสแล้วกลายเป็นเมนูที่โดดเด่นที่สุดบนโต๊ะของมื้อกลางวันนี้เลย สำหรับ ข้าวโพดข้าวเหนียวผัดกุ้งพริกเหลือง ความหนึบของข้าวโพดข้าวเหนียวผัดกับพริกเหลืองและเครื่องปรุงเพียงเล็กน้อยและกุ้งตัวโต เป็นเมนูทานง่ายแต่เพลิดเพลินไม่รู้จบ รับรองว่าเป็นเมนูที่ใครได้ลองแล้วต้องสั่งซ้ำรอบสอง
ส่วนของว่างมื้อนี้เน้นสีสันและรสชาติของ ช่อม่วงไส้ปลาและช่อมะลิไส้เห็ด ที่ตัวแป้งหอมกลิ่นมะลิอ่อน ๆ เป็นเมนูทานเล่นที่เติมความสดชื่นยามบ่ายได้เป็นอย่างดี
จบของคาวไปแล้ว ต้องตบท้ายด้วยของหวาน เราขอเริ่มด้วย เต้าฮวยเย็นลำไย ที่ใช้เต้าฮวยทำเอง โปะหน้ามาด้วยลำไยสด และน้ำลำไย Granita สดชื่น หวาน ๆ เหมาะกับยามบ่าย
ส่วนเมนูต่อมายังหวานเย็นชื่นใจด้วย น้ำแข็งใสลูกชิดอัญชันกะทิ ต้องบอกว่าเป็นเมนูที่เน้นความหวานเป็นหลัก ลูกชิดนุ่ม ๆ สีม่วงครามสวย ๆ และกลิ่นหอมเข้มข้นของกะทิ เป็นของหวานแบบไทย ๆ ที่ไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ ยังมีโซนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มทั้งค็อกเทลและม็อกเทลไว้บริการ เครื่องดื่มแต่ละชนิดเน้นใช้วัตถุดิบสดใหม่และมิกวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน