เมื่อ Central Bank of Russia ใช้ไอทีแก้วิกฤตทางการเงิน

ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย หรือ Central Bank of Russia (CBR) เป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับโลกการเงินยุคใหม่ ด้วยการจัดตั้งศูนย์ NSPC เพื่อเป็นศูนย์ประมวลผลข้อมูลในการแก้ปัญหาวิกฤตทางการเงิน ซึ่งเกิดจากการขาดระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพและครบวงจร ส่งผลให้ธนาคาร CBR สามารถให้บริการชำระเงินกับประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจการเงินในสหพันธรัฐรัสเซียมีความน่าเชื่อถือและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ความเป็นมาของ CBR

สำหรับธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย หรือ Central Bank of Russia (CBR) ถือเป็นสถาบันการเงินหลักของประเทศที่ดำเนินการภายใต้กฎหมายของสหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงมอสโก เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2533 โดยทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินนโยบายทางการเงินในอุตสาหกรรมธนาคาร รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินของประเทศ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคาร CBR มีเป้าหมายและความรับผิดชอบอย่างชัดเจนในการรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินรูเบิลให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันการเงินและระบบการชำระเงินในสหพันธรัฐรัสเซียให้มีประสิทธิภาพต่อเนื่องในระยะยาว

จัดระเบียบข้อมูลสร้างความมั่นใจให้ตลาดเงิน

แม้ว่า “สหพันธรัฐรัสเซีย” หรือ “ประเทศรัสเซีย” จะเป็นประเทศมหาอำนาจ แต่ก็เคยประสบปัญหาและต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เพราะธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านบัตรส่วนใหญ่ผูกขาดโดยบริษัทต่างประเทศเป็นเวลานาน ทำให้เมื่อบริษัทเหล่านี้หยุดให้บริการ การทำธุรกรรมและให้บริการชำระเงินต่าง ๆ ของประชาชนจึงมีความวุ่นวายและไม่สะดวกหากต้องชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสด

เมื่อประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินดังกล่าว รวมไปถึงความจำเป็นเร่งด่วนทางด้านความมั่นคงปลอดภัย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จึงตัดสินใจกำหนดแผนการสร้างระบบชำระเงินของประเทศโดยตั้งศูนย์ National System of Payment Cards (NSPC) ขึ้น เพื่อที่จะสร้างเสถียรภำพของระบบการเงินของประเทศให้กลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งศูนย์ NSPC แห่งนี้จะแยกเป็นอิสระออกจากระบบการเงินอื่น ๆ โดยมีธนาคาร CBR เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ซึ่งการจะขับเคลื่อนศูนย์ NSPC ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น จำเป็นจะต้องอาศัยเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างการบริหารจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภำพตลอดทั่วทั้ง 16 เมืองหลักและรองรับกำรบริการด้านการเงินของธนาคารได้มากกว่า 70 แห่ง

“ศูนย์ NSPC ก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐำนของกฎหมายของรัฐบาลกลาง เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการชำระเงินด้วยบัตรธนาคารและดำเนินธุรกรรมออนไลน์ทั้งหมดในสหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีหน้าที่ในการสร้างเสถียรภาพทางการเงินและความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป็นศูนย์ประมวลผลกลางของระบบการชำระเงินผ่านบัตรระหว่างประเทศ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ ดังนั้นโครงสร้างของระบบต้องมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่โครงการนี้ได้เกิดขึ้นจริงและสามารถเปิดให้บริการได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่ำนั้น” เซอร์เก้ โบชคาเรฟ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์ NSPC กล่าว

CBR

เชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์และครบวงจร

การเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมาย ผนวกกับระยะเวลาที่มีจำกัดในการจัดตั้งศูนย์ NSPC ทำให้ธนาคาร CBR ตัดสินใจร่วมกับหัวเว่ยเพื่อศึกษาข้อมูล วางแผน และพัฒนาโซลูชันใหม่ที่ตรงกับความต้องการทั้งด้านการจัดเก็บข้อมูลและระบบบริการชำระเงิน ด้วยโซลูชันศูนย์ข้อมูลแบบ intra-city Active-Active โดยทีมงานของหัวเว่ยได้มีการทดสอบคุณสมบัติของโซลูชันที่ต้องการใช้จริง จนมั่นใจว่าโซลูชันศูนย์ข้อมูลแบบ intra-city Active-Active มีความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพในการจัดการศูนย์ข้อมูลกำรเงินได้ตลอดเวลา

ธนาคาร CBR ติดตั้งโซลูชันศูนย์ข้อมูลแบบ intra-city Active-Active ในกรุงมอสโก 2 แห่ง โดยมีระยะห่างกันประมาณ 70 กิโลเมตร พร้อมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่ำง ๆ เข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานคล่องตัวและรวดเร็ว พร้อมทั้งมีระบบกู้คืนข้อมูลเพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้อีกแห่งหนึ่งจะสามารถดำเนินการได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ โซลูชันศูนย์ข้อมูลแบบ intra-city Active-Active ยังรองรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่เดิมและสามารถรองรับกับปริมาณข้อมูลใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ด้วยเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ทันสมัยในแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแบบเปิด เพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลของศูนย์ NSPC ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังมีการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ x86 มากกว่า 100 เครื่อง โดยมีพื้นที่จัดเก็บขนาด 2.8 เพตะไบต์ และคลาวด์เอ็นจิ้น 12800 ซีรีส์ เพื่อทำให้การจัดการกับปริมาณธุรกรรมที่มีประมาณ 10 ล้านธุรกรรมต่อวันสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถจะดำเนินธุรกิจด้านการเงินนอกสถานที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น