ที่สุดแห่งองค์กรของไทย

เดือนนี้เป็นอีกวาระสำคัญของ Business+ เพราะเนื้อหาเด่นภายในเล่ม เป็นการสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารสูงสุดขององค์กรไทยและต่างประเทศ 20 บริษัท ถึงความท้าทายต่อองค์กรหลังจากนี้

Thailand Top Company Awards 2015 แม้จะเป็นรางวัลเพื่อมอบแก่องค์กรที่ชนะเลิศในสาขาต่างๆ ที่ Business+ จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยคัดเลือกผลงานจากบริษัทที่มีรายได้สูงสุด 1,000 อันดับแรก แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ

แต่หากดูคำสัมภาษณ์ของประธานเจ้าหน้าที่บริหารแต่ละท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่า เพื่อบอกถึงทิศทางบริษัทฯ ภายใต้สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป เราจะพบว่า หลายบริษัทเริ่มมองหา “ตัวช่วย” ในการสร้าง productivity มากขึ้น

ดร.สันติ กนกธนาพร ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ บอกกับผมเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่องค์กรธุรกิจ หรือเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจ หรือเป็น SMEs สุดท้ายก็จะมุ่งไปสู่ productivity ทั้งนั้น เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว

และในค่ำคืนประกาศรางวัล Thailand Top Company Awards 2015 ผมได้ฟังคำปาฐกถาพิเศษจาก ฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ซึ่งท่านบอกอย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยติดกับดักทางเศรษฐกิจมากว่า 10 ปี สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เราต้องพิจารณาว่า เราสู้ได้ไหม เราจะทำให้ดีขึ้นไหม…?

เมียนมา อาจจะมาแรง หรือเวียดนามขอเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่หากมองไปข้างหน้า สถานะตรงนั้นไทยก้าวข้ามมาแล้ว

Digital Base Economy แม้จะเป็นภาพใหญ่ที่เราจะวิ่งไป แต่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องก็เพิ่งเริ่มต้น รัฐบาลออกตัวแรงให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่เอกชนไทยส่วนใหญ่วิ่งล้ำไปแล้ว

สิงคโปร์ คือต้นแบบที่ดีมาก แล้วในวันที่เขาสูญเสียเสาหลักไป และในอนาคตผมยังเชื่อว่า สิงคโปร์ยิ่งจะยังแข็งแกร่ง ส่วนเรานั้นย่อมต้องให้เวลาในการปรับเปลี่ยน

เรากำลังถูกปลูกถ่ายโครงสร้างใหม่ และหากทำสำเร็จในปีพ.ศ. 2563 ไทยจะมี 2 เสาหลักที่แข็งแกร่ง เสาหลักคือ ความมุ่งมั่นพาชาติให้เติบใหญ่ และเสาที่สองคือ การลงทุนของเอกชนไทยที่นับวันจะมากขึ้น

ในยุคการแข่งขันธุรกิจ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ผมเชื่อเสมอว่า เอกชนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่