AIS

AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำก้าวสู่ Digital Platform for Thais

หลังจากที่ AIS วางจุดยืนของตัวเองเป็น Digital Life Service Provider และเพื่อตอกย้ำความพร้อมในการก้าวสู่การเป็น Digital Platform for Thais ด้วยการพัฒนาเครือข่ายมือถือสู่ Next Generation ที่รองรับความเร็วถึง 1 GB ,ขยายเครือข่าย NB-IoT และ eMTC เพื่อรองรับ IoT และเอไอเอส ไฟเบอร์ รวมถึงการนำ VDO Content ใหม่ๆ ทั้งจากระดับโลก อย่างซีเอ็นเอ็น การ์ตูนเน็ตเวิร์ค และสุดยอด Content ของไทย ตลอดจนการเข้าไปซื้อหุ้นซีเอสล็อกซ์อินโฟ ก็จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

แต่การเติบโตเพียงอุตสาหกรรมสื่อสารอย่างเดียว ไม่อาจช่วยยกระดับประเทศให้แข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นภาคเอกชนจึงมีความมุ่งมั่นที่จะขยายบทบาทสู่การเป็น Digital Platform เพื่อประเทศไทย และเป็นแกนกลางสนับสนุน เชื่อมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกันในลักษณะของ Ecosystem เพื่อขยายขีดความสามารถเหล่านั้นผ่านดิจิทัลสร้างการเติบโตสู่ทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเริ่มต้นใน 3 แพลตฟอร์มสำคัญ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ประกอบด้วย

1. AIS IoT Alliance Program – AIAP : โครงการความร่วมมือของสมาชิก 70 รายจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี IoT ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย ผู้ผลิตเทคโนโลยี นักพัฒนาอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถ, Product, Service หรือ Solution เพื่อให้เกิดการพัฒนา IoT Solution/Business Model ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ขยายประโยชน์สู่ภาคประชาชน เสริมการบริหารจัดการในทุกภาคส่วน

2. The Play 365 : Local VDO Platform ที่เปิดโอกาสให้ศิลปิน สื่อมวลชน นักสร้างสรรค์ Content ทุกวงการสามารถนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น สร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยทุกคน พร้อมโครงสร้างรายได้และโมเดลที่เหมาะสม สอดคล้องกับตัวเลขผู้ชมที่แท้จริง

3. AIS IMAX VR : VR Content Platform ที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนา VR Content สามารถเรียนรู้จากผู้ผลิต VR อันดับหนึ่งของโลกอย่าง IMAX พร้อมโครงการ VR Content Creator Program ที่เอไอเอสได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเวทีของการสร้าง Content VR ให้กับอุตสาหกรรม

นอกจากการตอกย้ำความพร้อมในการก้าวสู่การเป็น Digital Platform for Thais ของ AIS แล้ว ภายในงาน Digital Intelligent Nation 2018 ยังรับเกียรติจากแขกพิเศษในสายงานอาชีพต่างๆมาร่วมบรรยายเรื่องของการปรับตัวเข้าสูโลกยุคดิจิทัลโดยมีใจความสำคัญดังนี้้

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษหัวข้อ Thailand’s development landscape forward กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะเดินหน้าไปสู่ยุคของโลกดิจิทัลได้นั่น ต้องเกิดจากความร่วมมือในทุกภาคส่วน และดิจิทัลที่เราจะทุ่มเททำจะต้องเป็น Digital For All ที่เข้าถึงทุกคนในประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะวัยรุ่นและคนยุคใหม่อีกต่อไป ประชาชนรากหญ้าจะต้องเข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์จากดิจิทัลได้

 กานต์ ตระกูลฮุน หัวหน้าทีมภาคเอกชน การยกระดับนวัตกรรมและ Digitalization คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ และประธานกรรมการเอไอเอส บรรยายพิเศษหัวข้อ R&D and People Development for The country กล่าวว่า ถึงแม้ว่า Deeptech และ Innovation จะมีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก แต่ถ้าอยากให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลกว่านี้เราจะต้องนำเอาดิจิทัลเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนและภาครัฐ เอกชนเองจะต้องร่วมือกันขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้า

ญนน์ โภคทรัพย์ President of Central Group Co., Ltd. บรรยายพิเศษหัวข้อ Connecting The Lifestyle Experience กล่าวว่า  ผู้ประกอบการที่อยากจะอยู่รอดในยุคนี้จะต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจของตัวเองให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตเราจะต้องต่อสู้และแข่งกับอะไรบ้าง แล้วธุรกิจของคุณทุกวันนี้พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุค 2020 หรือยัง คำแนะนำของผมคือคุณต้องเริ่มทำ Act Now,Think Big,Start Small และ Move&Learn Fast  เพราะอนาคตกำลังไล่คุณอยู่

บุรณัชย์ ลิมจิตติ Senior Vice President – International Marketing, Advertising and Public Relations บริษัท กรุงเทพ ดุสิต เวชการ จำกัด(มหาชน) บรรยายพิเศษหัวข้อ Embracing The digital World of Health กล่าวว่า ในอนาคตการรักษาพยาบาลจะต้องสร้าง Customer Journey แบบใหม่เพื่อเป็น Digital Heaithcare ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบันทึกและช่วยวิเคราะห์วินัฉัยโรค และรักษาโรค ด้วยความแม่นย่ำ

ส่วน บอย โกสิยพงษ์  บรรยายพิเศษหัวข้อ RHYTHM & BOYd กล่าวว่า จะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน โลกของความบันเทิงได้เปลี่ยนไปอย่างมากมาย เพราะงั้นถ้าเราต้องจะต้องปรับตัวและหาช่องทางการสร้างรายได้จากดิจิทัลให้มาขึ้น แม้ว่าโลกของความบันเทิงจะถูก Disrupt ก็จริง แต่มันก็เป็นการ Disrupt ที่ทำให้เรารู้จักตัวเอง

ทั้งนี้  เอไอเอสเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า นี่คือหนทางสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และจะสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายของภาครัฐในการนำพาประเทศไทยสู่ ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมขีดความสามารถทางการแข่งขันที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือ