ไขกลยุทธ์ JKN นำคอนเทนต์ไทยโกอินเตอร์

จากซีรีส์เกาหลียอดฮิต อย่าง แดจังกึม จนมาถึงซีรีส์จากอินเดียยอดฮิตไม่ว่าจะเป็น “หนุมาน” และอีกหลายๆเรื่อง ที่สร้างกระแส “ภารตะพันล้าน” พร้อมกับเพิ่มเรตติ้งให้กับช่องต่างๆ ได้อย่างคึกคักในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว เกิดจาก Vision ของ แอน – จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด(มหาชน) (JKN) ผู้บริหารไฟแรงที่มองขาดถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเสพคอนเทนต์แบบใดนั่นเอง

หากมองถึงเป้าหมายของ JKN ในอนาคต จักรพงษ์ ย้ำว่า ตามโรดแมปของบริษัทฯ ไม่เพียงแต่ต้องการสร้าง “ยาเสพติดทางสายตา” ในตลาดคอนเทนต์ไทยเท่านั้น แต่มองถึงการเป็น Global Content Provider ที่ต้องการเปิดตลาดต่างประเทศ ด้วยการนำคอนเทนต์จากไทยไปสู่สายตาของคนทั่วโลกอีกด้วย

จักรพงษ์ บอกถึงแผนการนำคอนเทนต์ที่ถือลิขสิทธิ์อยู่ในขณะนี้ทั้งคอนเทนต์ไทยและต่างประเทศ ว่า บริษัทฯจะเริ่มบุกตลาดต่างประเทศไทย ด้วยการขายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ทั่วโลกในปีนี้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจจำหน่ายคอนเทนท์ โดยกลยุทธ์หลักๆ จะเข้าไปร่วมออกบูธแนะนำลิขสิทธิ์ตามงานเทศกาลภาพยนตร์ชั้นนำทั่วโลก จำนวน 4 งานใหญ่ ที่ประเทศจีน ฝรั่งเศส และเกาะฮ่องกง โดยงานแรก ได้แก่ งาน ‘ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม มาร์ท’ ที่เกาะฮ่องกง ในเดือนมีนาคมนี้

ส่วนลิขสิทธิ์คอนเทนท์ที่จะนำไปจำหน่ายภายในงานดังกล่าว ประกอบด้วย ซีรี่ย์อินเดีย จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ Porus ศึกสองราชันย์, Prithvi Vallabh วัลลภ มหากษัตริย์ชาตินักรบ และ Ganesha ไอยรามหาเทพ และภาพยนตร์สารคดีจากช่อง JKN ออริจินัล 3 เรื่อง รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ลิขสิทธิ์คอนเทนท์ประเภทละครไทยของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จำนวน 7 เรื่อง จากที่ไดรับสิทธิ์ทั้งหมดจำนวน 47 เรื่อง ไปร่วมออกบูทในครั้งนี้

ซีรีส์อินเดีย

“เราจะเริ่มเปิดตลาดในภูมิภาคเอเชียก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยจะใช้ซีรีส์อินเดียนำร่องไปก่อน จากนั้นจะตามด้วยละครไทย เพราะเชื่อว่าซีรีส์จากอินเดียน่าจะสร้างประสบการณ์จากผู้ชมได้เร็วกว่า”

ส่วนรูปแบบการทำตลาดนั้น จะเป็นการจำหน่ายลิขสิทธิ์ทุกช่องทางการเผยแพร่ ( Platform ) ทั้งสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี วิดีโอออนดีมานด์และโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมโทรทัศน์ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ที่สามารถเลือกแพคเกจตรงกับความต้องการของตลาดและช่องทางเผยแพร่ใด้

“เชื่อมั่นว่าการเข้าร่วมออกบูธตามงานเทศกาลภาพยนตร์ จะได้รับความสนใจจากจากผู้เข้าร่วมงานเลือกซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศ ซึ่ง JKN มีเป้าหมายต้องการขยายไปยังกลุ่มประเทศใน CLMV หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม รวมถึงตลาดใหม่ๆ เช่น บรูไน มาเลเซีย ที่มีความนิยมประเภทลิขสิทธิ์คอนเทนต์คล้ายคลึงกับคนไทย โดยคาดว่าจากแผนงานการรุกจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศในปีนี้ทั้งหมด จะทำยอดขายได้ประมาณ 120 ล้านบาท ไม่รวมส่วนแบ่งรายได้ที่เกิดจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล”

นอกจากนี้ JKN อยู่ระหว่างดำเนินการเป็นผู้บริหารจัดการลิขสิทธิ์ของศิลปินต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ขณะนี้มีศิลปินดาราจากประเทศฟิลิปปินส์และอินเดียแสดงความสนใจเข้าร่วมสังกัดแล้ว ได้แก่ Ishant Bhanushali หรือน้องมารุติ หนุมานน้อย จากซีรีย์หนุมาน สงครามมหาเทพ ที่เตรียมเปิดตัวเป็นศิลปินคนแรกของ JKN อีกด้วย

แน่นอนว่า การบุกตลาดคอนเทนต์ในต่างประเทศ นับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย และจะบทพิสูจน์ฝีมือผู้บริหารไฟแรง อย่าง แอน- จักรพงษ์ ได้เป็นอย่างดี เพราะโจทย์สำคัญของการขยายธุรกิจคอนเทนต์ คือ ทำอย่างไรที่จะต่อยอดคอนเทนต์ที่ตนเองถือลิขสิทธิ์อยู่ให้มีมูลค่าเพิ่มได้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน JKN ทำได้ดีในประเทศไทย ชนิดที่ว่า “มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย” เพราะมีการจองล่วงหน้าไปหมดแล้ว แต่ในตลาดต่างประเทศ เวลาเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ และอีกไม่นานคงได้รู้กัน เพราะ JKN ได้เริ่มต้นนับก้าวแรกแล้วนั่นเอง