เมืองไทยประกันชีวิต

เมืองไทยประกันชีวิต มุ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

เมืองไทยประกันชีวิต มุ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ธุรกิจประกันชีวิตเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะเดียวกันการแข่งขันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัว พร้อมพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างครบวงจร ย่อมมีขีดความสามารถในการแข่งขันเหนือผู้ประกอบการรายอื่น

ในช่วงที่ผ่านมา บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต เป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิต ที่มีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกมิติ ทั้งมิติด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ช่องทางการจำหน่าย และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ส่งผลให้บริษัทสามารถก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกในอันดับที่ 1 ของธุรกิจ และเป็นอันดับ 2 ในด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม

โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่เมืองไทยประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทะลุแสนล้าน ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 102,681 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2559 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 31,066 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,615 ล้านบาท

“ปี 2560 เป็นครั้งแรกที่เบี้ยประกันภัยรับรวมมีจำนวนสูงถึงแสนล้านบาท เมืองไทยประกันชีวิตนับเป็น 1 ใน 2 บริษัทที่มีเบี้ยรับรวมในระดับแสนล้าน ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่ดีทะยานจากเบี้ยรับรวม 4 พันล้านบาทเมื่อ 10 ปีก่อน และไม่เคยโตต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม” สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมระบุว่า

ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 2561 ยังถือเป็นปีแห่งความท้าทาย เพราะการดำเนินธุรกิจจะอยู่บนยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โลกก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องมาก แต่เป็นโอกาสให้เมืองไทยประกันชีวิตปรับตัว ทั้งสังคมที่เปลี่ยนไปจากคนรุ่นใหม่ที่มีหลากหลายเจเนอเรชัน ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) อีกทั้ง Digital จะมีบทบาทสำคัญที่จะใช้เพื่อการเชื่อมต่อและวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้น รวมไปถึงกฎเกณฑ์และกฎหมายที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น และที่สำคัญพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ในแบบ One to One หรือแบบประกันที่เหมาะกับตนเองมากที่สุดนั่นเอง

จาก Eco System ของธุรกิจประกันชีวิตที่เปลี่ยนไป ทางเมืองไทยประกันชีวิต จึงได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ ในปี 2561ที่มุ่งเน้นการเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ภายใต้นโนบาย “Customer @ the heart” พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมเพื่อมาตอบโจทย์แบบ Outside in ซึ่งจะเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กลยุทธ์ของ “Customer @ the heart” แบ่งออกเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย

1. Segment of One ซึ่งจะมุ่งเน้นการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สู่ลูกค้าในรูปแบบที่เป็น One to One ซึ่งจะเหมาะกับลูกค้าเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น

2. Health Focus การเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมปลดล็อกข้อจำกัดด้านประกันสุขภาพและสร้างนวัตกรรมใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

3. Digital Insurer การพัฒนา Platform และเครื่องมือเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่

4. Regional Company บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ บริการ Global Connect ซึ่งลูกค้าที่เจ็บป่วยในต่างประเทศสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และ

5. Touch Points ซึ่งเป็นจุดในการสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายหลัก ๆ เช่น ช่องทาง Face to Face, Digital, สาขา, Visual ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวบริการซื้อขายประกันแบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Gettgo” ภายใต้ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่มเมืองไทยกรุ๊ป โดยเว็บไซต์ www.gettgo.com จะช่วยทำให้เรื่องของการซื้อประกันเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า ประหยัด โดยสามารถค้นหา เปรียบเทียบ จนทำให้สามารถเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้มากที่สุด ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ซึ่งทางเมืองไทยฯ เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคบนโลกยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

จากนี้เรายังคงต้องจับตามองกันต่อไปว่า กลยุทธ์ของเมืองไทยประกันชีวิตจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน ดิจิทัลจะใช้ช่องทางที่เข้าใกล้ผู้บริโภคของกลุ่มลูกค้าประกันจริงหรือไม่ บิสิเนสพลัสจะคอยดูความสำเร็จของการ ใช้ Digital Transformation ครั้งนี้ของเมืองไทยประกันชีวิตต่อไป และจะนำความเคลื่อนไหวมาเล่าสู่กันฟังในครั้งหน้า