เปิดหัวใจผู้ชายหัวใจอินทรีย์ เจ้าของแบรนด์ “Jasberry”

ถ้าจะพูดถึงข้าวอินทรีย์ภายใต้ชื่อแจสเบอร์รี่ (Jasberry) คอรักสุขภาพทั้งหลายอาจจะรู้เพียงว่า เป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการจัดการแบบอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานสากล แต่ใครจะรู้บ้างว่าเกษตรภายใต้แบรนด์นี้ มีรายได้สูงกว่าเกษตรกรทั่วไปถึง 14 เท่า แม้ราคาที่ขายจะไม่ต่างจากแบรนด์ออแกนิกอื่นๆ เลย

“ผมรักประเทศไทย ชีวิตผมมีครั้งเดียว ผมเลือกที่จะทำสิ่งนี้สิ่งที่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ตายก็แฮปปี้ ผมทำตัวมีคุณค่า
มีความสุขในสิ่งที่เราทำ เราจะมีพลัง” บทสนทนาแรกที่ Business+ ได้พูดคุยกับ ปีตาชัย เดชไกรศักดิ์ แห่ง Siam Organic เจ้าของแบรนด์ Jasberry

ทำให้เราเข้าใจว่า Jasberry ไม่ได้เกิดมาจากนักธุรกิจที่คิดจะหวังผลกำไรจากการเป็นพ่อค้าคนกลาง ที่หวังเพียงนำข้าวจากชาวนาออกมาตีตราขายเหมือนแบรนด์อื่น แต่เกิดมาจากหัวใจของผู้ชายหัวใจอินทรีย์คนนึง ที่เริ่มจากความสงสัยว่าทำไมเมืองไทย ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก แต่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศของเรากลับมีรายได้โดยเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดในอาเซียน

จนเกิดความคิดที่ต้องการดึงให้เกษตรกรของไทยหลุดพ้นจากวงจรเดิมๆ และปีตาชัย ก็เริ่มใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ในการเข้าไปคลุกคลีกับวิถีชีวิตของเกษตรกรประหนึ่งลูกหลาน ค่อยๆ เรียนรู้และปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำนาของเกษตรกรเหล่านั้นใหม่ โดยใช้เวลาในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชาวนาไทยเกือบ 2 ปี จนเรียกได้ว่าปัจจุบันกลายเป็นญาติสนิทกันไปแล้ว

“เริ่มจากการสำรวจเกษตรกรในภาคอิสาน ที่มีความพร้อมและมุมมองที่ดีเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ แต่ขาดทุนทรัพย์ โดยเข้าไปให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ต้นทุน ทำทุกอย่างแบบครบวงจร เรานำความรู้มาจากการทำงานกับนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมไปถึงนำคววามรู้ของเกษตรที่เก่งๆ มาต่อยอดและนำมาใช้”

ปีตาชัยนำนวัตกรรมด้านการเกษตร ทั้งการปลูกข้าวและระบบบริหารจัดการแบบอินทรีย์มาตรฐานสากลและการปล่อยกู้ในระบบ micro-financing เข้าไปส่งเสริมในการยกระดับและสร้างรายได้ รวมไปถึงการหาตลาด โดยเริ่มจากการนำไปขายในตลาดอเมริกาประมาณ 2-3 เดือน เพราะที่นั่นมีการขายสินค้าออกแกนิกที่แพร่หลาย จนขณะนี้แบรนด์  “Jasberry” ได้มาตรฐานทั้งอเมริกาและยุโรป

หลังจากนั้นจึงนำเข้ามาเสนอในซุปเปอร์มาร์เก็ตระดับไฮเอนด์ และขายต่อไปห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านอาหาร รวมไปถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว นอกจากนี้ยังได้มีการออกบูธ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ลองชิม แนะนำสินค้า ผ่านการเล่าเรื่องที่ได้ทำมาให้ฟัง และขณะนี้ยังได้ทำการส่งออกไปยังนิวซีแลนด์ ฮ่องกง รวมถึงประเทศอื่นๆ

ปัจจุบันเกษตรกรภายใต้โครงการของ Siam Organic มีรายได้ที่สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยถึง 14 เท่า ในปัจจุบันสยามออร์แกนิคทำงานร่วมกับเกษตรกรมากกว่า 1,800 ครัวเรือนในภาคอีสาน เพื่อเพิ่มผลกระทบทางด้านสังคม (Social Impact) โดยตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนเกษตรกรให้ได้มากกว่า 20,000 ครัวเรือน หรือ 1 แสนคน ได้หลุดพ้นจากความยากจนได้อย่างถาวร

ที่สำคัญ Siam Organic ยังได้มีการวางแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา ใน 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากขณะนี้แบรนด์ Jasberry มีชื่อเสียงที่อเมริกา และมีคนรู้จักเป็นอย่างดีแล้ว

ไม่ใช่ความสำเร็จทางด้านได้ใจชาวนาไทยและมียอดขายที่เติบโตเท่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นนี้เอง ก็ไปเข้าตาชีวาส รีกัล (Chivas Regal) ผู้ผลิตสก็อตช์วิสกี้ที่ได้ทำการเปิดตัวแคมเปญยักษ์ “The Chivas Venture” เฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจผู้มีแนวคิดสร้างสิ่งดีๆ เพื่อสังคมที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาตระหนักถึงความสำคัญของการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการทำเพื่อสังคม ในคอนเซ็ปต์ Win the Right Way โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3

เควนติน จ็อบ กรรมการผู้จัดการบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้ชนะจากทีม Siam Organic คว้ารางวัลชนะเลิศในระดับประเทศอย่างสวยงาม เพราะมีจุดประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรในประเทศไทยผ่านนวัตกรรมสินค้าอินทรีย์ที่เจาะตลาดผู้บริโภคจากทั่วโลกภายใต้ชื่อสินค้าแจสเบอร์รี่ (Jasberry)

ผลครั้งนี้ Siam Organic จะได้เป็นตัวแทนเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายกับสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคมอีก 29 ประเทศจากทั่วทุกมุมโลกในเดือนกรกฎาคมที่ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา พิชิตเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์

โดยชีวาส รีกัล จึงขอเชิญชวนคนไทยช่วยกันโหวตให้กับ Siam Organic ตั้งแต่วันนี้ถึงวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน  2560 เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ ได้ที่ https://www.chivas.com/th-th/the-venture/finalists/people/th-siam-organic

ทุกคะแนนโหวตจะสามารถช่วยให้ประเทศไทยเป็นผู้ชนะในเวทีระดับโลก และจะเปลี่ยนเป็นเงินรางวัลสำหรับช่วยเหลือสังคม โดยมีเงินทุนจากคะแนนโหวต 250,000 เหรียญดอลลาร์ ซึ่งเงินรางวัลจากการโหวตส่วนหนึ่งจะนำไปช่วยเหลือความยากจนของเกษตรกรที่มีสาเหตุจากการปลูกข้าวต้องใช้ต้นทุนสูงแต่กลับได้ผลกำไรที่ต่ำเพราะการแทรกแซงจากพ่อค้าคนกลางและนำกลับมาพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป #VoteSiamOrganic #ChivasVenture #TeamThailand