“สมคิด” ย้ำไทยต้องพัฒนาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

“สมคิด”เผยในปีนี้เน็ตประชารัฐต้องเปิดใช้ได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หวังช่วยสร้างโอกาสและอาชีพให้กับชุมชนในท้องถิ่น ชี้เด็กไทยยังขาดความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องส่งเสริมให้เพิ่มขึ้น ย้ำไทยต้องนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ร่วมกันในการพัฒนาประเทศ ชี้จีดีปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ เพราะขณะนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นจากการส่งออกที่เติบโตขึ้นกว่า 6%

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวในงาน “TrueBusiness Forum 2017”  ภายใต้แนวคิด “Smart Thailand 4.0 ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยดิจิทัลสู่การแข่งขันระดับโลก” จัดโดย ทรูบิซิเนส กลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ว่า โครงการเน็ตประชารัฐจะเกิดขึ้นและเปิดใช้ทุกพื้นที่ภายในปีนี้ รวมไปถึงวงจรเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ (IIG) จะต้องทำให้ได้ภายในปีนี้ เพราะเมื่ออินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกหมู่บ้านก็จะสร้างโอกาส สร้างอาชีพให้กับชุมชนท้องถิ่น

สำหรับในอนาคตมีอยู่ 2 เรื่องที่ต้องคำนึงถึงคือ 1.เรื่องนวัตกรรม 2.เทคโนโลยี  จะต้องนำ 2 ส่วนนี้มาปรับใช้ร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยยังไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นเราจะต้องสร้างเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีที่จะมีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น จากธุรกิจที่เกิดมาความคิดสร้างสรรค์ และผสานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะทำให้กลุ่มนักลงทุนกล้าที่จะออกสินเชื่อให้แก่ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่

“โครงการเน็ตประชารัฐจะต้องมีและเปิดให้ใช้บริการทั่วทุกพื้นที่อย่างช้าที่สุดไม่เกินปีนี้  ซึ่งทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน”

สมคิดกล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี อยู่ที่ 3.3 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีของประเทศไทย ที่ค่อยๆ ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ภาคการส่งออกที่ค่อยๆ ฟื้นตัว หลังจากที่ทรุดตัวมากในปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกเติบโตกว่า 6% ส่วนการลงทุนของภาครัฐบาลที่มีการเร่งรัดการใช้จ่ายที่รวดเร็ว ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนของไทยไม่ขยับ

ดังนั้นหากพิจารณาตัวเลขที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่ตั้งไว้ว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 3.3-3.8 ในปีนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้ายังสามารถรักษาความสมดุลของการท่องเที่ยว การเบิกจ่ายภาครัฐงบประมาณในปี 2560 ให้ได้กำหนดตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ในปีนี้รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะช่วยพยายามดูแลประชากรในกลุ่มรากหญ้าให้ดีขึ้น เพราะตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรไม่ดี เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งเป้าหมายการสนับสนุนไว้สูง ส่วนภาคคนจนทางกระทรวงคลังก็พร้อมที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือในทุกส่วน

ด้านพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ในส่วนของโครงการเน็ตประชารัฐนั้น นอกจากจะวางโครงข่ายในหมู่บ้านกลุ่มเป้าหมายให้ครบตามกำหนดภายในปีนี้แล้ว ยังได้ให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ทำงานร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอกนิกส์ ตลอดจนการขนส่งสินค้าเพื่อให้ชุมชนเกิดรายได้

ส่วนเรื่อง มัลแวร์ Wanna Cry ที่ระบาดอยู่ในตอนนี้ทาง สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) หรือ ETDA ได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันที่ตรวจพบ และมีการประสานงานกับหน่วยงานที่ดูแลด้านนี้ของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเหตุการณ์มัลแวร์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ต้องเตรียมพร้อมในการรับมือ

ส่วนความคืบหน้าของกฎหมายไซเบอร์นั้น ขณะนี้ได้มีการยกร่างและรวบรวมความเห็น ซึ่งมีการส่งกลับมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง เพราะกฎหมายไซเบอร์นี้ถือเป็นการปกป้องคุ้มครองสังคมไทยในการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ช่วยรักษาเสถียรภาพของประเทศ ปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึงยังเป็นหนึ่งในมาตรการคุ้มครองประชาชนอีกด้วย