เมื่อโลกเปลี่ยน ผู้นำต้องเปลี่ยนโลก

ตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เราเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเกิดขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก และส่งผลกระทบระหว่างกัน

ภาพที่เห็นคือ มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนจากโลกอะนาล็อกสู่โลกดิจิทัล นอกจากนั้นยังมีภาพภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศสหรัฐอเมริกา ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศกรีซ มีการเกิดขึ้นใหม่ของกลุ่มยูโรโซน การใช้เงินสกุลยูโร การก้าวเข้าสู่ AEC การเติบโตและศักยภาพของอุตสาหกรรมชั้นนำในจีนและอินเดีย เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา พลวัตของมันรวดเร็วและรุนแรงจนทำให้หลาย ๆ คนตั้งรับไม่ทัน โอกาสและภัยคุกคามเกิดขึ้นตลอดเวลากับบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่เป็นผู้เล่นในตลาดระดับประเทศ ตลาดในภูมิภาค หรือผู้เล่นในตลาดโลก ส่งผลให้แต่ละองค์กรต้องเร่งหาทางปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบและโอกาสด้านการตลาด อีกทั้งเพื่อหลีกหนีความล้มเหลวจากสภาวการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อดูบริษัทที่ติดอันดับในนิตยสาร Fortune 500 จะเห็นได้ว่ามีหลายบริษัทที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขันและมีการเข้ามาใหม่ของบริษัทคู่แข่ง อาทิ ผู้ผลิตรถยนต์ในอดีต General Motors และ Ford เคยเป็นสองบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ปัจจุบันมีชื่อของบริษัท Tata Motors ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอินเดียเบียดเข้ามาติดอันดับ

ล่าสุดยังมีบริษัทใหม่จากประเทศจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง บริษัท บีวายดี ออโต้ (BYD Auto) ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตแบตเตอรี่ชาร์ตซ้ำ ซึ่งวันนี้มุ่งเน้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด โดยการพลิกโฉมมาใช้พลังงานสะอาดแทนการใช้น้ำมัน

นอกจากนั้น ธุรกิจที่เคยเติบโตอย่างมากในช่วงยุคแรกเริ่มอินเทอร์เนต เช่น บริษัท Yahoo ซึ่งเคยเป็นบริษัทที่ทำกำไรและเติบโตสูงสุดในช่วงเริ่มแรก แต่เมื่อ Google เข้ามาทำธุรกิจและนำเสนอโมเดลธุรกิจที่ตรงข้าม โดยเสนอทุกอย่างเป็น Free Service ก็ทำให้ Google เข้ามาเป็นบริษัทชั้นนำแทน Yahoo ได้ในที่สุด