เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2561 ‘ดุสิตธานี’ เดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ ด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท LVM Holdings Pte Ltd. ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ในกลุ่ม ‘อีลิธ เฮเวนส์’ (Elite Havens) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจตลาดให้เช่าวิลล่าระดับบนในเอเชีย ด้วยมูลค่ารวม 495 ล้านบาท เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจการบริหารจัดการ และให้เช่าวิลล่าระดับหรูแบบครบวงจร
‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า บริษัท Dusit Overseas Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนที่ฮ่องกง ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดของ LVM Holdings Pte Ltd. ซึ่งจดทะเบียนที่ประเทศสิงค์โปร์ และเป็น Ultimate Holding Company ของกลุ่มแบรนด์ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ (Elite Havens) ครอบคลุมประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และประเทศไทย
ทั้งนี้ LVM Holdings Pte Ltd. เป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยตรง และโดยอ้อมในบริษัทอีก 9 แห่ง ที่จัดตั้งในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เพื่อประกอบธุรกิจทำการตลาด ดำเนินการจอง รวมถึงรับดูแลบริหารจัดการและให้เช่าวิลล่าหรูพร้อมพนักงานคุณภาพแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ โดยปัจจุบัน มีเครือข่ายวิลล่าที่อยู่ในความดูแลจำนวนมากกว่า 200 แห่ง ในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคทั้งอินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และประเทศไทย
เจาะลึกแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน ‘ดุสิตธานี’
สำหรับการเข้าลงทุนในแบรนด์ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน
1. การสร้างความสมดุลให้กับธุรกิจ
2. การกระจายความเสี่ยง
3. การสร้างเป้าหมายในการเติบโต
โดยการลงทุนครั้งนี้ จะเป็นการเดินตามยุทธศาสตร์การสร้างการเติบโต ด้วยการเพิ่มจำนวนห้องพัก และการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจการให้บริการที่พักและทุกประสบการณ์ของนักเดินทาง
มุ่งสู่การตอบโจทย์ไลฟ์สไสต์ของกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ ตลาดในส่วนดังกล่าว มีโอกาสเติบโตในอนาคตตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มองหาวิลล่าขนาดใหญ่ที่หรูหรา สะดวกสบาย และมีความเป็นส่วนตัว มาพร้อมกับการบริการชั้นเลิศประจำในแต่ละวิลล่า ไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับ พ่อครัว แม่บ้านที่ให้บริการตามต้องการของลูกค้าที่เข้าพักตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน ‘ดุสิตธานี’ ขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดต่าง ๆ ดังนี้
- ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ หรือ ‘sharing-economy’ ผ่านการลงทุนในบริษัท เฟฟเสตย์ (favstay)
- เจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล ผ่านแบรนด์ ‘อาศัย’ (ASAI) ที่เป็นโรงแรมแบบไลฟ์ไสตล์บูทิค
- มุ่งเข้าสู่ธุรกิจบริหารและให้เช่าวิลล่าหรู ผ่าน ‘อีลิธ เฮเวนส์’
จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 70 ปี ของ ‘ดุสิตธานี ในการบริหารธุรกิจโรงแรม บริการ และการท่องเที่ยวระดับ 5 ดาว ที่มีอยู่ทั่วโลก จะช่วยสนับสนุนการขยายแบรนด์ของ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ ให้เติบโตครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ ที่สำคัญได้เป็นอย่างดี
“แม้ว่าการบริหารและให้เช่าวิลล่าหรูครบวงจร จะเป็นธุรกิจใหม่ที่มีความท้าทาย แต่กลุ่มดุสิตธานีก็มั่นใจในประสบการณ์ที่แข็งแกร่งของ อีลิธ เฮเวนส์ ในการเป็นผู้นำในธุรกิจนี้มาตลอดระยะเวลา 20 ปี” ศุภจีกล่าว
แนวโน้มในอนาคตของการลงทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ การรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ดังกล่าว จะเป็นการต่อยอดการดำเนินธุรกิจจากฐานเดิมที่ ‘ดุสิตธานี’ มีความคุ้นเคย ไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ และยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเดินตาม ‘แผนยุทธศาสตร์’ ด้วยการแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างสมดุล และกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ และสร้างความเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ให้กับกลุ่มดุสิตธานีในอนาคตอีกด้วย
สำหรับ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ สามารถเติบโตจากธุรกิจขนาดเล็กขึ้นมาเป็นธุรกิจระดับกลาง ด้วยความแตกต่างของคุณภาพและความใส่ใจของพนักงานที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่น โดยหลังจากที่ ‘ดุสิตธานี’ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าร่วมกัน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ ‘อีลิธ เฮเวนส์’ เติบโตขึ้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในท้ายที่สุด
“เราทั้งคู่ต่างมีประสบการณ์ และมีปรัชญาในการให้บริการที่เน้นในเรื่องของคุณภาพของการบริการและความใส่ใจของพนักงานเป็นสำคัญเช่นเดียวกัน” ‘จอน สโตนแฮม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติม