ดีแทคเผยแพลตฟอร์มใหม่ทำให้ลูกค้าใช้งานแพ็คเกจที่สูงขึ้น

ดีแทคชี้หลังยกเครื่องแบรนด์มีลูกค้าใหม่เพิ่ม 2.25 แสนรายใน 1 เดือน เช่นเดียวกับแพ็คเกจใหม่ที่มีลูกค้าใช้งานแล้ว 5 แสนราย ดีกว่าหลายแคมเปญที่ออกก่อนหน้า 20-30%

และด้วยแพ็คเกจใหม่ดังกล่าวทำให้ลูกค้าเลือกที่จะใช้งานในแพ็คเกจที่สูงขึ้น ล่าสุดจัดขบวนม็อบนำทีมโดยทีมผู้บริหารและสตอรี่เทลเลอร์แนะนำแพ็คเกจ “Go โนลิมิต” และซิม “Go เพลิน” ออกไปหาลูกค้าใน 5 มุมเมืองทั่วกรุง
สิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า หลังการปรับแบรนด์แพลตฟอร์มครั้งใหญ่ภายใต้แนวคิด “Flip It – แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย” เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าที่เปลี่ยนมาใช้แพ็คเกจ Go โนลิมิต และเปิดใช้ซิม โก เพลิน ไปแล้วกว่าแสนราย และด้วยการออกไปสร้างความเข้าใจ และสร้างประสบการณ์ใช้งานให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดีแทคสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้กว่า 2.25 แสนราย
“แพกเกจ “Go โนลิมิต” นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเมื่อเทียบกับหลายๆ แคมเปญก่อนหน้าถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีขึ้น 20-30% มีลูกค้าสมัครใช้งานแพกเกจ Go No Limit แล้วทั้งหมด 5 แสนราย โดยลูกค้าหลักจะเป็นลูกค้าพรีเพด (เติมเงิน) ราว 4 แสนราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่ 2 แสนราย ส่วนลูกค้าโพสต์เพด (รายเดือน) สมัครใช้งาน 1 แสนราย เป็นลูกค้าใหม่ 2.5 หมื่นราย
ดีแทค
นอกจากนี้พฤติกรรมของลูกค้าบางกลุ่มยังเหนือความคาดหมายของดีเเทค กล่าวคือการใช้งานของลูกค้ากลุ่มเติมเงิน เลือกสมัครแพกเกจรายสัปดาห์ และรายเดือนเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนในตอนนี้กลายเป็น รายวัน 40% รายสัปดาห์ 30% และ รายเดือน 30% รวมไปถึงยังทำให้ลูกค้าเติมเงินสามารถมีระยะการใช้งานในเครือข่ายนานขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้ารายเดือนมีการเลือกสมัครแพกเกจที่สูงขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 499 บาท ขึ้นมาเป็น 599 และ 699 มากขึ้นช่วยเพิ่ม ARPU ของลูกค้าในกลุ่มรายเดือน และกลุ่มลูกค้าที่ใช้งาน 1,299-1,499 เดิม เปลี่ยนมาเลือกสมัครแพกเกจสูงสุด 1,999 บาท ที่ให้เน็ตความเร็วสูง และโทร.ไม่จำกัด
สิทธิโชค กล่าวว่า ปัจจัยความสำเร็จของแพ็คเกจ “Go โนลิมิต” เนื่องจากสามารถช่วยแก้ปัญหาในการใช้งานแพคเกจอินเตอร์เน็ตที่เกิดปัญหาจากใช้เน็ตหมดติด FUP ที่ทำให้เน็ตช้าได้จริงๆ อีกทั้งทางดีแทคยังเพิ่มทีมในการมอนิเตอร์ เพื่อดูแลลูกค้าบางรายที่นำแพคเกจดังกล่าวไปใช้งานผิดประเภทไม่ให้ส่งผลกระทบต่อลูกค้ารายอื่นที่ใช้งานตามปกติอีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของแผนการสื่อสารไปยังลูกค้าได้ผลตอบรับดีเช่นกัน ล่าสุดจึงได้นำ “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” มาช่วยในการแนะนำแพกเกจตามสถานที่ต่างๆ 5 มุมเมืองทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย ถนนสีลม ถนนอโศก ถนนรัชดาภิเษก ย่านสำโรง และย่านบางกะปิ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ในตัวแพ็คเกจใหม่ของดีแทคให้กว้างมากขึ้
“ส่วนเรื่องของการนับจำนวนลูกค้าที่ปัจจุบัน ดีแทค กลายเป็นอันดับ 3 ในตลาด มองว่าเป็นเกมอย่างหนึ่ง เพราะแต่ละค่ายก็จะมีมาตรฐานในการนับจำนวนลูกค้าที่แตกต่างกัน รวมถึงในแง่ของผลประกอบการ ดังนั้น จึงอยากให้ดูในระยะยาวมากกว่าจะเติบโตอย่างไร ในตอนนี้ดีแทคยังคงโฟกัสกับการสร้างสมดุลในตลาดการแข่งขันมากกว่าการมองที่ตัวเลขรายได้แต่คาดว่าในปีนี้น่าจะทำรายได้เพิ่มมากขึ้น”