ทะเลทราย ดูไบ

ขับ 4WD ตะลุยทะเลทรายดูไบ

ขับ 4WD ตะลุยทะเลทรายดูไบ

เขียนโดย : ใจทิพย์

แม้จะไม่ใช่ฤดูแห่งการท่องเที่ยว ก็ใช่ว่าจะท่องเที่ยวแบบอลังการไม่ได้ ดังนั้นทริปนี้เราจึงจัดเต็มกับมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงทศวรรษนี้ ดูไบ สวรรค์แห่งทะเลทราย ที่มีดีมากกว่าความแห้งแล้งของทะเลทราย


กลุ่มเล็ก ๆ ของผองเพื่อนที่ไม่สันทัดเรื่องความลำบากแต่อยากชื่นชมบรรยากาศงาม ๆ ของทะเลทราย จึงเริ่มต้นวันแรกด้วยสถานที่สวย ๆ งาม ๆ Dubai Miracle Garden: The world’s biggest natural flower garden ! สวนดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดประมาณ 72,000 ตร.ม. จัดหนักไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์กว่า 45 ล้านต้น กว่า 60 สายพันธุ์ ที่แข่งกันเบ่งบานชูช่อเต็มพื้นที่ ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชมดอกไม้คือ 7 พฤศจิกายน 2017-30 เมษายน 2018

ดูไบ
Photo

จากนั้นก็เดินทางไปต่อที่ Mall of the Emirates ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แวะโยนโบว์ลิ่ง และช้อปปิงเสื้อผ้าสำหรับตะลุยทะเลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และยืดเส้นยืดสายยามบ่ายที่ Ski Dubai หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถเลือกเล่นระหว่างสกี สโนว์บอร์ด เลื่อนหิมะ หรือโยนบอลหิมะในสวนหิมะที่แม้จะเป็นหิมะจำลองและความสนุกไม่น้อย

ทะเลทราย ดูไบ
ภาพ

เข้าสู่วันที่ 2 ในนครดูไบ ตารางในวันนี้เราจัดกันไว้แบบหลวม ๆ เพราะต้องเก็บแรงไปตะลุยทะเลในวันรุ่งขึ้น เริ่มต้นทริปแรกของวันด้วยการขึ้นรถไฟ Monorail เข้าสู่ The Palm Project อันเลื่องชื่อ สุดยอดโครงการของ U.A.E. ที่ทำการถมทะเลให้กลายเป็นเกาะเทียม สร้างเป็นรูปต้นปาล์ม มีทั้งโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ตเมนต์ ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงานต่าง ๆ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก และแน่นอนว่าวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือความความยิ่งใหญ่ของโรงแรม Atlantis สุดหรูหราอลังการ

และจบด้วยการแชะภาพสวย ๆ บริเวณชายหาด Jumeirah Beach สถานที่ตากอากาศยอดนิยมของดูไบ แวะถ่ายรูปด้านนอกกับโรงแรม Burj Al Arab โรงแรมสุดหรูระดับ 7 ดาว รูปทรงคล้ายเรือใบที่งดงามและหรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับ เป็นที่พักอาศัยของเศรษฐีที่มีชื่อเสียงชาวตะวันออกกลาง ถือเป็นสถานที่ที่ทุกคนใฝ่ฝันจะมีโอกาสเข้าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

ส่วนช่วงบ่ายเข้าชม Medinat Jumeirah Souk เวนิสแห่งดูไบ ตลาดติดแอร์ ตั้งอยู่ในส่วนเดียวกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว Mina Al Salam ของตระกูล Al Maktoum ออกแบบและตกแต่งเป็นศิลปะพื้นเมืองแบบอาหรับคลาสสิก ภายในมีสินค้าระดับ Premium มากมาย อาทิ ของที่ระลึก พวงกุญแจ ขวดทราย พรมอิหร่าน หัวน้ำหอม โคมไฟ ของประดับตกแต่งบ้าน ขนมหวาน และถั่วรสช็อกโกแลต เป็นต้น

ต่อมาเดินชมพระราชวังท่านชีค (Shiekh Palace) ตื่นตาตื่นใจกับพระราชวังสุดอลังการของครอบครัว Shiekh Al Maktoum อันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดและบรรดาเหล่านกยูง ผ่านชม New Palace ซึ่งเป็นพระราชวังแห่งใหม่ของครอบครัว Shiekh Al Maktoum ที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ถ่ายรูปกับสุเหร่าจูไมร่า (Jumeirah Mosque) สุเหร่าคู่บ้านคู่เมืองของดูไบ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง และได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในนครดูไบ

ทะเลทราย ดูไบ
Photo

ในส่วนของวันที่ 3 อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่าคิวหลักของวันนี้คือตะลุยทะเลทราย แต่ระหว่างทางก็แอบแวะชมโรงงานเครื่องประดับเพชรพลอยเล็กน้อยพอเป็นพิธี

สำหรับการตะลุยทะเลทรายรอบนี้ต้องบอกว่า ใครที่จะคิดจะมาอาจต้องเตรียมกันเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าเป็นคนเมารถอาการหนัก ต้องทานยาแก้เมาล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรงไม่ควรนั่งรถ Dune Safari โดยเด็ดขาด และที่สำคัญอย่าลืมเสื้อแจ็คเกต แว่นตากันแดด รองเท้าฟองน้ำ ติดตัวไปด้วย

การทัวร์ทะเลทรายของเราใช้รถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เรียกได้ว่าทั้งสนุกสนานและตื่นเต้นไปกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพราะรถที่ขับตะลุยไปบนเนินทรายทั้งสูงและต่ำสลับกันไป (Sand Dune) เรียกเสียงหัวเราะครึกครื้นได้มากทีเดียว

หลังจากนั้นก็เพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ ดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกของพระอาทิตย์ตกดินที่แสนสวยงาม และสัมผัสชีวิตแบบชาวพื้นเมือง (เบดูอิน) เรายังได้มีโอกาสลองสวมใส่ชุดพื้นเมืองชาวอาหรับ การเพ้นท์มือแบบอาหรับ (Henna Tattoo) ลองสูบมารากู กลิ่นผลไม้ (Shi Sha) ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ซึ่งเป็นศิลปะการร่ายรำที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก รวมถึงสนุกสนานกับการขี่อูฐเป็นการส่งท้ายวันที่สวยงาม

ทะเลทราย ดูไบ
Photo

เริ่มต้นเช้าวันที่ 4 ด้วยการเข้าชม พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) พิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 และถูกบูรณะครั้งล่าสุดปี 1970 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น การค้นพบงานศิลปะภายในหลุมฝังศพที่ Al Qusais ซึ่งมีอายุมากกว่า 4,000 ปี ประทับใจกับการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาวอาหรับโบราณผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง Dubai Creek เป็นทะเลที่สร้างขึ้นโดยการขุดเข้ามาในชายฝั่ง ซึ่งแบ่งนครดูไบออกเป็น 2 ส่วน คือ Deira Dubai และ Bur Dubai มีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร มีท่าจอดเรือถึง 8 ท่า

จุดนี้เป็นอีกจุดที่พวกเราใช้เวลาชื่นชมบรรยากาศและแชะภาพกับทัศนียภาพสองฟากฝั่งของแม่น้ำก่อนจะแวะไปถ่ายรูปในย่าน Bastakiya และนั่งเรือ Abra Ride สัมผัสมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมผ่านวิถีชีวิตสองฝั่งน้ำของแม่น้ำ Creek

จากนั้นเดินสู่ตลาดเครื่องเทศ (Gold & Spicy Souk) และตลาดทอง (Gold Souk) เป็นตลาดทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Jewelry ทุกประเภท เช่น มุก อัญมณีต่าง ๆ นำชมโรงงานเครื่องหนังชั้นดีของดูไบ

และเดินเล่นในห้างดูไบ (Dubai Mall) ห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่เราไม่ได้มาเพื่อช้อปปิง แต่มาเพื่อดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ภายใน ตู้ปลาที่ว่าคืออควาเรียมขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว เพราะมีขนาดใหญ่กว่าคนสิบคนยืนเรียงกัน ปลาสีสันสวยงามหลากหลายแหวกว่ายเต็มตู้

ทะเลทราย ดูไบ
photo

ส่วนช่วงบ่ายนี้เราไม่มีโปรแกรมอะไรเป็นพิเศษ จึงใช้เวลาทั้งหมดไปกับชอปปิงแบรนด์เนมชื่อดังมากมายจากยุโรป เผลอไม่นานเวลาก็ล่วงเข้าเวลา 18.00 น. เราจึงมีโอกาสได้ชมสุดยอดการแสดง น้ำพุแห่งดูไบ เป็นน้ำพุเต้นระบำอันสวยงามวิจิตรอยู่ในทะเลสาบเบิร์จคาลิฟา ที่เป็นศูนย์กลางของนครดูไบ ถือเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันนี้ โดยรอบถูกรายล้อมไปด้วยตึกที่มีชื่อเสียงมากมาย

สิ่งพิเศษของน้ำพุแห่งดูไบนี้ คือจะใช้ไฟทั้งสิ้น 6,600 ดวง โปรเจ็กเตอร์สี 50 ตัว ควบคุมการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะแสดงประกอบดนตรี ครั้งละประมาณ 5 นาที โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 7.2 พันล้านบาท นำท่านขึ้น เบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa) ชั้น 124 ตึกที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึง 828 เมตร มีทั้งหมด 160 ชั้น ออกแบบโดยนายเอเดรียน สมิธ สถาปนิกจากชิคาโก ซึ่งคณะจะได้มีโอกาสขึ้นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกคือ 18 เมตรต่อวินาที หรือ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปถึงชั้น 124 เพื่อชมวิวจากของนครดูไบได้ทั่วทุกทิศที่สวยงาม โดยตึกนี้ออกแบบตกแต่งภายในโดย Giorgio Armani

และในตอนต่อไปเราจะข้ามไปดูทางฝั่งอบูดาบีกันว่าจะมีอะไรน่าสนใจให้เก็บเกี่ยวใส่ในเมมโมรี่กันบ้าง

ติดตามอ่านได้ทางนิตยสาร Business+