ปรับตัวอย่างไรดีเมื่อต้องร่วมงานกับหัวหน้าที่เด็กกว่า

เชื่อว่ามนุษย์ออฟฟิสหลายๆคนคงกำลังเผชิญปัญหากับการต้องร่วมงานกับหัวหน้าที่อายุน้อยกว่า แน่นอนว่าความไม่ยอมรับในตัวหน้าด้วยมองว่าตนเองประสบการณ์มากกว่า รู้หรือว่าการคิดแบบนี้กำลังบั่นทอนให้การทำงานด้อยประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังคิดแบบนี้ ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่เพราะในโลกของการทำงาน เราควรจะวัดกันที่ฝีมือ มากกว่าอายุ เปิดใจให้กว้างเข้าไว้ มีหัวหน้าที่เด็กกว่าก็อาจจะทำให้คุณได้ประสบการณ์ใหม่อีกมากมายเพราะปัจจุบันนี้ที่เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อการทำงาน คนรุ่นใหม่ก็อาจจะได้เปรียบในส่วนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้จากเขา

หันกลับมามองตัวเองอีกครั้ง เราไม่พอใจเขาเพราะตัวเราหรือเปล่าที่ปรับตัวกับวิธีการทำงานแบบใหม่ไม่ได้ หรือเป็นเราที่ดีไม่พอหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องรีบปรับตัว เพราะไม่อย่างนั้นเราเองจะตกที่นั่งลำบาก แทนที่จะต่อต้าน เราควรให้การสนับสนุน เชื่อเถอะว่าเขาก็ต้องการประสบการณ์บางอย่างจากคุณเหมือนกัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นอีกด้วย

โลกยุคใหม่วัดกันที่ความสามารถไม่ใช่เพียงแค่ใครอยู่มาก่อนกัน

ในโลกการทำงานยุคนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้บริหาร เพราะองค์กรต่าง ๆ ก็อาจจะเลือกคนที่ความสามารถมากกว่าคนที่เพียงแค่ทำงานมานานกว่า และการขยายตัวของโลกดิจิทัลก็กลายมาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่องค์กรต้องนำมาพิจารณาในการเลือกคน ซึ่งคนรุ่นใหม่ก็มักจะทำได้ดีกว่าคนรุ่นเก่าอยู่แล้วด้วยในเรื่องนี้

ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มักจะเจอเวลาต้องร่วมงานกับหัวหน้าที่เด็กกว่า

ความแตกต่างเรื่องวัยอาจกลายเป็นปัญหาหนึ่งที่พบเห็นในสังคมการทำงาน เพราะความคิดและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เกิดต่างยุคต่างสมัยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความเห็นแย้งกันเกิดขึ้นได้ ซึ่งปัญหาที่พบเจอเวลาร่วมงานกับหัวหน้าที่เด็กกว่าคือ ไม่สามารถปรับตัวกับการทำงานรูปแบบใหม่ที่พวกเขานำมาใช้ รู้สึกไม่พอใจที่ถูกคนที่เด็กกว่าแนะนำหรือกล่าวตักเตือนในการทำงาน  คิดว่าเราทำงานเก่งกว่ารู้มากกว่า ทั้งที่ยังไม่ได้ให้เวลาพวกเขาพิสูจน์ตนเอง

ต้องทำอย่างไรบ้างที่จะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

คุณไม่ได้มีหน้าที่ในการตัดสินใจว่าใครจะมายืนอยู่ตรงจุดนั้นแม้กระทั่งตัวของหัวหน้าเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกคุณมาเป็นลูกน้องพวกเขา ทำใจกว้างๆ พวกเขาน่าจะต้องมีดีพอสมควรถึงได้มายืนที่ตำแหน่งนี้ได้ และถ้าเกิดคุณตัดสินใจแล้วว่าเราจะทำงานที่นี่ต่อไป ก็อย่าเอาเรื่องนี้มาคิดให้วุ่นวายสมอง ซึ่งสิ่งที่คุณควรต้องทำคือ

  • ลืมเรื่องอายุ เพราะอายุไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่พวกเขามีความสามารถและสร้างผลงานได้ดี อย่ามัวแต่ยึดระบบอาวุโสจนก่อให้เกิดอคติในการทำงานกับพวกเขา
  • แสดงออกถึงความสามารถของเรา แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณมีทักษะหรือความถนัดด้านไหนบ้าง อะไรที่คุณเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ รับรองว่าท้ายสุดพวกเขาจะเคารพคุณเอง
  • พร้อมให้การสนับสนุน ความรู้และประสบการณ์ของคนที่อยู่มาก่อนอย่างคุณจะเป็นสิ่งล้ำค่ามากๆสำหรับหัวหน้าที่เพิ่งมาใหม่ ซึ่งเมื่อเขาเห็นถึงแรงสนับสนุนของคุณเชื่อได้ว่า เขาจะยิ่งไว้วางใจคุณและเกิดเป็นทีมเวิร์คที่ดีด้วย
  • เรียนรู้จากพวกเขา การที่พวกเขาถูกเลือกมาอยู่ตรงจุดนี้แสดงว่าหัวหน้าคนนี้ต้องมีความสามารถบางอย่างที่แตกต่างหรือดีกว่าคนที่คนทำงานมาก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้เรียนรู้แนวคิดการทำงานจากพวกเขา
  • เป็นตัวเองดีที่สุด นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว เราไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นองค์กรรุ่นใหม่ขนาดไหน ก็ยังต้องการความสมดุลของความคิดจากคนต่างวัย ซึ่งความเก๋าของคุณก็อาจจะเป็นฐานอันแข็งแรงให้กับพวกเขา รวมถึงความกระตือรือร้น ของพวกเขาก็จะเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับคุณเช่นกัน

ข้อดีมากมายของการมีหัวหน้าที่เป็นคนรุ่นใหม่

จริงๆ แล้วการมีหัวหน้าที่เด็กกว่าอาจจะมีข้อดีอีกมากมาย ทั้งเรื่องแนวคิดการทำงานที่คุณอาจจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน พวกเขาอาจจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี หรือวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ที่ทำให้องค์กรพัฒนาขึ้น ซึ่งรวมถึงตัวคุณเองด้วยที่จะถูกกระตุ้นจากการทำงานของคนรุ่นใหม่จนเกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นด้วย ตราบใดที่ทุกคนแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยที่ยึดถือเรื่องงานมาก่อนสิ่งใด การทำงานก็จะสำเร็จลุล่วงได้โดยที่เรื่องวัยที่แตกต่างก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

Cr. fastcompany