กสิกรไทยเดินหน้าลุยฟินเทคเต็มสปีด

บล.กสิกรไทยลุยโจทย์ฟินเทคเต็มสปีด พัฒนาเทคโนโลยีกวาดเรียบทุกอุปกรณ์ ดันเป้าออนไลน์โตเพิ่ม 20 %

 

เทรนด์ลูกค้าออนไลน์โตก้าวกระโดด บล.กสิกรไทยลุยพัฒนาฟินเทคตอบโจทย์ลูกค้าต่อเนื่อง ดัน KS Super Stock ขึ้นแท่นแอพพลิเคชั่นข้อมูลการลงทุนอันดับ1ในใจนักลงทุน พร้อมเปิดตัว KS Super Portfolio ผู้ช่วยอัจฉริยะวิเคราะห์ได้ทุกปัญหาพอร์ตการลงทุน วางเป้าปีหน้าลูกค้าออนไลน์เพิ่ม 20%

 
ธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนที่ซื้อขายออนไลน์ในตลาดหุ้นไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งสอดคล้องกับจำนวนลูกค้าซื้อขายออนไลน์ของบริษัทฯที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

ปัจจุบันบล.กสิกรไทยมีจำนวนบัญชีทั้งสิ้น 120,000 บัญชี มีจำนวนบัญชีลูกค้าซื้อขายออนไลน์ทั้งสิ้น95,000 บัญชี (ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน)) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 17% โดยมีปริมาณการซื้อขายคิดเป็น 65% ของปริมาณการซื้อขายทั้งบริษัท ซึ่งจำนวนบัญชีออนไลน์ของบล.กสิกรไทย คิดเป็น 8.27% ของจำนวนนักลงทุนที่ซื้อขายออนไลน์ทั้งตลาด โดยในปี 2560 บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มบัญชีเทรดออนไลน์ขึ้นอีก 20 %

 
ภาวะตลาดทุนในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับโลกแห่งการลงทุนที่เดินหน้าอย่างรวดเร็ว บล.กสิกรไทยจึงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการลงทุนให้ครบถ้วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนของลูกค้า ไม่ว่าไลฟ์สไตล์การลงทุนของลูกค้าจะเป็นอย่างไร ใช้อุปกรณ์ชนิดใดในการส่งคำสั่งซื้อขาย หรือหาข้อมูลเพื่อประกอบการลงทุน เช่น การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุนโดยใช้ฟังก์ชั่น My Performance บน KS Super Stock ที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟน หรือหากต้องการวิเคราะห์ข้อมูลที่ลึกกว่า และกว้างกว่า ก็สามารถใช้งานโปรแกรม KS Super Portfolio บนคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น

 
KS Super Portfolio เป็นโปรแกรมล่าสุดที่บล.กสิกรไทยไทยพัฒนาขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการลงทุนของลูกค้าได้ด้วยตัวเอง ทั้งสถิติการลงทุนในอดีตและปัจจุบัน ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์เชิงลึก โดยการนำข้อมูลตัวเลข สถิติต่างๆในเรื่องการลงทุน เช่น กำไร/ขาดทุน หุ้นที่มีอยู่ใน Portfolio กำไร/ขาดทุน หุ้นที่ลูกค้าได้ทำการขายไปแล้ว มาผ่านหลักการวิเคราะห์ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนและการบริหารพอร์ตการลงทุนของลูกค้า

 

พร้อมทั้งแนะนำแนวทางปรับพอร์ตการลงทุนโดยนำตัวเลขสถิติต่างๆมาประกอบเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำข้อมูลที่บริษัทวิเคราะห์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการลงทุนในอนาคต นับเป็นโปรแกรมวิเคราะห์พอร์ตการลงทุนของลูกค้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดในวงการตลาดทุนขณะนี้

 

“เรายังมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนคือความรู้ อุปกรณ์หรือระบบการลงทุนต่างๆ ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นจึงมีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูล การช่วยวิเคราะห์จัดเรียงข้อมูลที่กระจัดกระจาย นำมาเรียบเรียงให้เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพให้ลูกค้าสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาการลงทุนในรูปแบบเฉพาะตัวได้ เมื่อลูกค้ารู้จักตัวเอง เข้าใจรูปแบบการลงทุนของตัวเอง รู้จักวิธีการใช้ตัวช่วยที่บริษัทนำเสนอให้อย่างเต็มศักยภาพได้ ลูกค้าของบล.กสิกรไทยก็จะประสบความสำเร็จด้านการลงทุนในที่สุด” ธิติกล่าว